ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนของรถยนต์เพียงชิ้นส่วนเดียวที่สัมผัสกับพื้นโดยตรง ดังนั้น เราจึงต้องให้ความสำคัญในการเลือกยางให้เหมาะสมกับรถของเรา เช่นเดียวกันกับการเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เราจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับรถและสไตล์การใช้รถของเรา บางคนไม่แน่ใจว่าควรเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะที่สุดก็จึงขอเลือกเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาที่คิดว่าคุ้มสุด ๆ ไปก่อนเพื่อความมั่นใจสูงสุด
เรื่องของยางรถยนต์เองก็ไม่ต่างกัน นอกจากจะเลือกให้เหมาะสมกับรถแล้ว ก็จะต้องเลือกให้สอดคล้องกับการใช้งานด้วย ซึ่งสิ่งที่สามารถบอกได้ว่ายางเส้นนั้น เหมาะสมกับรถและลักษณะการใช้งานในแบบไหน ก็คือตัวเลขและตัวอักษรต่าง ๆ ที่อยู่บนแก้มยางรถทุกเส้นนั่นเอง ดังนั้นในครั้งนี้เราจะมาทำความรู้จักกับความหมายของตัวอักษรและตัวเลขสำคัญ ๆ ที่อยู่บนแก้มยางรถยนต์ มาดูกันเลยว่าสิ่งเหล่านี้กำลังบอกอะไรเราบ้าง
ตัวเลข 3 หลักแรก
สำหรับตัวเลข 3 หลักแรกที่ปรากฏบนหน้ายาง จะหมายถึงขนาดความกว้างของหน้ายางหรือขนาดหน้ายาง ยกตัวอย่างเช่น ตัวเลข 185/65R15 88H, 195/60R15 88H, 215/45R18 89W ตัวเลข 3 หลักแรกจากหน้ายางทั้ง 3 ขนาดนี้ ก็จะมี185, 195 และ 215 อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งตัวเลขหน้ายางดังกล่าวนี้ จะเป็นขนาดที่วัดจากด้านนอกสุดจึงถึงด้านในสุดของยางโดยมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
ตัวเลข 2 หลักถัดมา
ตัวเลข 2 หลักที่อยู่ถัดมาจากตัวเลขที่บอกความกว้างของหน้ายางก็คือ ตัวเลขที่บอกความสูงของแก้มยาง ซึ่งมีหน่วยวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ ยกตัวอย่างเช่น 185/65R15 88H ก็หมายถึง ความสูงแก้มยางเส้นนี้คือ 65 เปอร์เซ็นต์ของ 185 มิลลิเมตรเป็นต้น ซึ่งการคำนวณหาความสูงของแก้มยางเป็นมิลลิเมตร จะใช้วิธีการนำเลขความกว้างของหน้ายาง x เลขความสูงของแก้มยาง แล้วก็หารด้วย 100 ยกตัวอย่างเช่น 185 X 65/100 ความสูงของแก้มยางเส้นนี้จะเท่ากับ 120.25 มิลลิเมตร อย่างนี้เป็นต้น
ตัวอักษรภาษาอังกฤษ(R)
สำหรับตัวอักษรภาษาอังกฤษตัว R ที่อยู่ถัดมานั้นเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงโครงสร้างของยาง โครงสร้างของยางรถยนต์นั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทนั่นคือ
- Bias: เป็นโครงสร้างยางแบบธรรมดา เป็นยางที่ใช้งานได้ค่อนข้างนิ่มนวล แต่คุณสมบัติด้านความทนทานจะน้อย
- Belted: เป็นโครงสร้างยางที่มีคุณภาพปานกลาง ทั้งเรื่องของความนุ่มและความทนทาน
- Radial: เป็นโครงสร้างยางที่มีความทนทานสูง ช่วยประหยัดน้ำมันได้ แต่สัมผัสในการขับขี่จะแข็งกระด้างอยู่บ้าง
ซึ่งภาษาอังกฤษตัว R ที่ยกตัวอย่างมากนั้น ก็ย่อมาจากโครงสร้างยาง Radial นั่นเอง ซึ่งยางที่มีโครงสร้างแบบนี้ได้รับความนิยมที่สุดในปัจจุบัน เพราะทำให้ผู้ขับขี่เกิดความมั่นใจมากขึ้นในการขับขี่ เช่นเดียวกันกับการมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาสุดคุ้มไว้เคียงข้างในการเดินทาง
เลข 2 หลักที่อยู่ที่ถัดจากอักษรที่บอกโครงสร้างของยาง
ถัดจากตัว R ก็จะมีเลขอยู่อีก 2 หลัก ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่บอกถึงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้านในสุดของยาง มีหน่วยวัดเป็นนิ้ว อย่างถ้าเป็นยาง195/60R15 88H ก็หมายความว่ายางเส้นนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้านในอยู่ที่ 15 นิ้วหรือที่เราเรียกกันติดปากว่ายางขอบ 15 นั่นเอง
เลข 2 หลักที่อยู่ถัดจากเลขบอกเส้นผ่านศูนย์กลาง
ถัดมาจะมีเลขอีก 2 หลัก ซึ่งเป็นเลขที่บอกถึงดัชนีความสามารถในการรองรับน้ำหนักของยาง ซึ่งปกติจะมีผังดัชนีบอกว่าจากตัวเลข เทียบเป็นน้ำหนักกี่กิโลกรัม จากตัวอย่างข้างต้นเป็นเลข 93
ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อยู่สุดท้าย
เป็นตัวอักษรที่บอกถึงขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของยางที่สามารถใช้ได้ อย่าง W ก็จะหมายถึงความสูงสุดอยู่ที่ 270 กม./ชั่วโมง ส่วน H ก็จะอยู่ที่ 210 กม./ชั่วโมง เป็นต้น
คงได้รู้กันแล้วว่า ตัวเลขต่าง ๆ บนแก้มยางหมายถึงอะไรบ้าง ทีนี้ก็คงเลือกใช้งานกันได้ง่ายมากขึ้นแล้ว อีกอย่างอย่าลืมเลือกประกันที่ใช่เคียงคู่รถด้วยนะสำคัญเหมือนกัน ประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาเบา ๆ มีให้เลือกเยอะแล้วในตอนนี้ จะได้มั่นใจในการเดินทางมากขึ้น
ขอบคุณรูปภาพจาก : NPTireService